บทที่ 1 ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับระบบ
1.ภาพโดยรวมของระบบ
1.1 ความหมายระบบ (System) คือ ชุด (Set) ขององคืประกอบต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กันและทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุซึ่งจัดประสงค์เดียวกัน อาจหมายถึงซึ่งบุคคลช สิ่งของระบบย่อยๆ ที่ทำให้เกิดการทำงานร่วมกันของระบบ
1.2 ลักษณะของระบบ มีลักษณะดังนี้
1. มีการกำหนดขอบเขตของตัวระบบเอง (System Boundary)
2.องค์ประกอบของระบบจะอยู่ในขอบเขตของระบบ
3.ระบบจะอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมหนึ่งๆ (System Environment)
1.3 ระบบที่มีระบบย่อย
ระบบบางระบบอาจจะมีระบบย่อยหลายระบบประกอบกันจากการรวมลักษณะระบบ ถึงแม้ว่าเมื่อสถานการณ์หรือกาลเวลาเปลี่ยนไป มีผลทำให้บางองค์ประกิบมีการเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หรือถูกตัดออกไปแต่จะเน้นที่องค์ประกอบระบบต้องมีความสัมพันธ์กันด้วยกระบวนและเกิดผลลัพธ์ตามจุดประสงค์ของระบบ
1.4 ส่วนประกอบของระบบ โดยทั่วไปทั้งระบบจะแบ่งส่วนประกอบออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1. บุคลากร (Person) เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด
2. อุปกรณ์ (Equipment) เป็นสิ่งที่ช่วยให้การดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
3. กระบวนการ (Procedure) เป็นมาตรฐานการดำเนินการขององค์ประกอบต่างๆ
1.5 ประเภทของระบบ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆดังนี้
1. ระบบปิด (Closed system) เป็นระบบอิสระจากสภาพแวดล้อมภายนอก มีลักษณะการทำงานที่ไม่ยุ่ง กับสภาพแวดล้อมภายนอกแต่ให้ความสำคัญต่อการทำงานเป็นหลัก
2. ระบบเปิด (Open system) มีลักษณะการทำงานที่ตรงข้ามกับระบบปิด นั้นคือการให้สภาพแวดล้อมภายนอกมาเป็นตัวแปรในการกำหนดการทำงานภายในของระบบ
1.6 นักวิเคราะห์ระบบ
นักวิเคราะห์ระบบจะเป็นผู้ที่ศึกษาปัยหาต่างๆ และความจำเป็นขององค์กรว่าจะนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ อย่างไรที่จะสามารถช่วยให้การแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ดีขึ้น
เมื่อกล่าวถึงสารสนเทศจะมีส่วนประกอบที่สำคัญสองส่วนคือ ข้อมูลและสารสนเทศ โดยทั้งสองส่วนจะมีความสัมพันธ์ ดังนี้
ข้อมูล (Data) เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นประจำวันของกิจกรรมใดๆ หรือเหตุการณ์ใดๆ ข้อมูลอาจอยู่ในรูปแบของค่าตัวเลข ข้อความต่างๆ รูปภาพ เสียง
สารสนเทศ (Information) เป็นข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลจนมีความหมายและประโยชน์ต่อการนำไปใช้งาน
2.2 ลักษณะสารสนเทศที่ดี
2. ระบบสารสนเทศ
2.1 ความหมายของข้อมูลและสารสนเทศเมื่อกล่าวถึงสารสนเทศจะมีส่วนประกอบที่สำคัญสองส่วนคือ ข้อมูลและสารสนเทศ โดยทั้งสองส่วนจะมีความสัมพันธ์ ดังนี้
ข้อมูล (Data) เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นประจำวันของกิจกรรมใดๆ หรือเหตุการณ์ใดๆ ข้อมูลอาจอยู่ในรูปแบของค่าตัวเลข ข้อความต่างๆ รูปภาพ เสียง
สารสนเทศ (Information) เป็นข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลจนมีความหมายและประโยชน์ต่อการนำไปใช้งาน
2.2 ลักษณะสารสนเทศที่ดี
ระบบสารสนเทศที่ดีจะต้องเป็นระบบที่สามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนั้นๆ ได้ดีขึ้น ลักษณะสารสนเทศที่ดีนั้น มีดังนี้
1.มีความถูกต้อง
2.มีความเชื่อถือได้
3.มีความสมบูรณ์และครบถ้วน
4.มีความคุ้มทน
5.มีความหยืดหยุ่น
6.ตรงประเด็น
7.มีความทันสมัย
8.สามารถตรวจสอบได้
2.3 ความหมายของระบบสารสนเทศเบื้องต้น
ระบบสารสนเทศ (Information System) เป็นระบบที่ทำหน้าที่จัดการระบบหรือกิจกรรมใดๆ โดยตั้งแต่การจัดเก็บข้อมูล ระบบสารสนเทศนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นระบบคอมพิวเตอร์เสมอไปเมื่อมีเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย ก็ทำหน้าที่เป็ฯอุปกรณ์ในระบบสารสนเทศ มีความสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2.4 เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology)
เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเตรื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดการกับข้อมูลหรือสารสนเทศ ได้แก่ การจัดเก็บ การประมวล การเผยแพร่ อันได้แก่ ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ในการจัดการกับข้อมูลและสารสนเทศ
2.5 ความหมายระบบสารสนเทศโดยรวมในปัจจุบัน
ความหมายในทางเทคนิคของระบบสารสนเทศ (Information System) คือ กลุ่มของระบบงานที่ประกอบไปด้วยฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์ และซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่รวบรวม ประมวลผล จัดเก็บและแจกจ่ายข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจและการควบคุมภายในองค์กร ดังนั้นระบบสารสนเทศก็จะมีส่วนประกอบเดียวกันแต่มีรูปแบบที่เรียกต่างกันไป ดังนี้
1. Peopleware หมายถึงบุคลากรที่ทำงานกับระบบสารสนเทศ
2. Hardware หมายถึงอุปกรณ์สำหรับการจัดการข้อมูล
3. Software หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นชุดคำสั่งสำหรับควบคุมอุปกรณ์
2.6 ลักษณะการใช้งานระบบสารสนเทศในองค์กร
สำหรับการใช้งานระบบสารสนเทสในองค์กรนั้น เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการจะทำงานกับข้อมูลดิบเป็นส่วนใหญ่ เช่น การรวบรวมจัดเก็บข้อมูล ประมวลผลข้อมูล การให้ความสำคัญทั้งด้านคุณภาพต่อข้อมูลและสารสนเทศตามระดับตำแหน่งทางด้านบริหารงาน
2.7 ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ ( Management Information System : MIS ) เป็นระบบบริการสารสนเทสสำหรับการบริหารงาน เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจในการวางแผน การควบคุม และการปฏิบัติการขององค์กรได้อย่างถูกต้องระบบนี้ประกอบด้วยระบบย่อยต่างๆ ต่อไปนี้
2.7.1 ระบบประมวลผลรายการ (Transaction Process System : TPS )
2.7.2 ระบบจัดทำรายงานเพื่อการจัดการ (Management Reporting System :MRS )
2.7.3 ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support System : DSS )
2.7.4 ระบบสารสนเทศสำนักงาน (Office Information System : OIS)
2.7.5 ระบบปัญญาระดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI )
2.7.6 ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System : ES )
2.7.7 ระบบสนับสนุนผู้บริหารระดับสูง (Executive Support System : ESS )
2.8 การพัฒนาระบบสารสนเทศ
การพัฒนาระบบชององค์กรมีความหมายรวมถึงการพัฒนาระบบสารสนเทศโดยปริยาย เพราะ
1. ทุกระบบงานล้วนมีขั้นตอนการทำงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล และต้องการผลลัพธ์ทางสารสนเทศเพื่อนำไปใช้งานตามจุดประสงค์ของผู้ใช้งานระบบ
2. เทคโนโลยีสารสนเทสมีการพัฒนาความสามารถมากขึ้นและมีราคาต่ำลง ทำให้มีการลงทุนในการจัดหามาใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
3. ประสิทธิภาพและความทันสมัยของเทคโนโลยีสารสนเทศมักนำมาซึ่งภาพลักษณ์ที่ดี ทั้งในแง่ความน่าเชื่อถือและความนิยมชมชอบต่อบุคคลภายนอกขององค์กร
ระบบธุรกิจเป็นระบบที่มีองค์ประกอบจากระบบย่อยพื้นฐานที่สัมพันธ์กันด้วยกระบวนการทางธุรกิจ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ นั่นคือ ผลกำไรจากการประกอบการนั่นเอง ดังนั้นในการวิเคราะห์ระบบจะต้องศึกษารูปแบบการดำเนินการทางธุรกิจนั้นๆ
3.2 ลักษณะองค์กรธุรกิจ
องค์กรธุรกิจ (Business Organization) เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นในลักษณะขององค์ ซึ่งมีกระบวนการการทำงานโดยการนำเอาทรัพยากรทางเศรษฐกิจ และข้อมูลไปทำการประมวลผลด้วยกระบวนการทางธุรกิจ ไเ้แก่ การตลาด การเงิน การผลิต
3.2.1 ระบบย่อยพื้นฐานของระบบธุรกิจ
1.ระบบการตลาด
2.ระบบการผลิตสินค้า
3.ระบบบริหารสินค้าคงคลัง
4.ระบบบัญชีและการเงิน
5.ระบบทรัพยากรบุคคล
3.2.2 ส่วนประกอบในระบบธุรกิจ มี 3 กลุ่มดังนี้
1. บุคลากร ได้แก่ พนักงานตำแหน่งต่างๆ
2. อุปกรณ์ ได้แก่ เครื่องใช้สำนักงาน
3. กระบวนการ ได้แก่ นดยบายการทำงาน
3.2.3 ภาพรวมในระบบธุรกิจ จะมีลักษณะตามนิยามของระบบ ดังนี้
1. มีขอบเขตของระบบ คือ แต่ละกระบวนการระหว่างระบบย่อย มุ่งให้เกิดผลลัพธ์ตามวัตถุประสวงค์ทางธุรกิจขององค์กรนั่น คือ ผลกำไรที่มากที่สุด
2. ทุกระบบย่อยอยู่ในขอบเขตของระบบ
3. ระบบอยู่ในสภาพแวดล้อมหนึ่ง ของระบบธุรกิจมักเป็นปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์ ได้แก่ ค่านิยมของลูกค้าในการบริโภคสินค้าหรือใช้บริการจากองค์กรธุรกิจนโยบายหรือข้อกำหนดต่างๆของรัฐ
3.3 ประเภทองค์กรและธุรกิจ
การแบ่งประเภทองค์กรธุรกิจทำได้หลายแบบ แต่เพื่อให้เห็นภาพได้ง่ายและสอดคล้องกับเนื้อหาเกี่ยวกับระบบ ที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ทางรายได้ให้กับองค์กร ดังนี้
3.3.1 ประเภทธุรกิจที่แบ่งตามกิจกรรมหลัก
1.ธุรกิจผู้ผลิต เช่น กระดาาสำนักงาน
2.ธุรกิจบริการ เช่น การบริการช่างสำหรับต่อเติมบ้าน
3.ผู้จัดจำหน่ายและร้านค้าปลีก เช่น การจำหน่ายทางหน้าร้าน
4.ธุรกิจเกษตรกรรมและเหมืองแร่ ได้แก่ พืชพรรณที่มาจากการเพาะปลูก
5.สถาบันการเงินและธนาคาร เช่น รายได้จากดอกเบี้ยที่เก็บจากผู้ที่มาขอกู้ยืมเงินเพื่อนำไปเป็นทุนในการดำเนินธุรกิจ
3.3.2 ประเภทธุรกิจแบ่งตามลักษณะการเป็นเจ้าของ จะมีเงื่อนไขข้อกำหนดทางกฎหมายที่ต่างกันไปดังนี้
1.กิจการเจ้าของคนเดียว
2.กิจการห้างหุ้นส่วน
3.กิจการบริษัทจำกัด
4.รัฐวิสาหกิจ
5.กิจการสหกรณ์
6.กิจการแฟรนไซส์ (Franchise)
3.4 การบริหารงานภายในองค์กรธุรกิจ
การใช้ทรัพยากรทางเศรษฐกิจ เช่น คน เงิน วัตถุดิบ เครื่องมือ ที่ดิน พลังงาน รวมถึงการอำนวยความสะดวกและการประมวลผลข้อมูลในกระบวนการธุรกิจเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ โดยลักษณะระบบที่สนับสนุนการบริหารองค์กรมีดังนี้
3.4.1 ระบบสารสนเทศตามหน้าที่ในองค์กร โดยแบ่งตามในหน้าที่องค์กร 6 ประเภทดังนี้
1.ระบบสารสนเทศด้านบัญชี (Accounting Information System)
2.ระบบสารสนเทศด้านการเงิน (Finance Information System)
3.ระบบสารสนเทศด้านการผลิต (Manufacturing Information System)
4.ระบบสินค้าคงคลัง
5.ระบบสารสนเทศด้านการตลาด
6.ระบบสารสนเทศด้านทรัพยากรมนุษย์
3.4.2 ระบบสารสนเทศตามลักษณะการสนับสนุน เป็น 3 ประเภท คือ
1.ระบบสารสนเทศแบบประมวลรายการ
2.ระบบสารสนเทศแบบรายงานเพื่อการจัดการ
3.ระบบสารสนเทศเพื่อการสนับสนุนการตัดสินใจ
3.5 การติดต่อสื่อสารภายในองค์กรธุรกิจ
องค์ประกอิบที่เป็นระบบย่อยที่ต้องผสานกันอย่างดีจึงเกิดประสิทธิผลในการทำงานในองค์กร
3.5.1 วัตถุประสงค์ของการสื่อสารในองค์กร ออกเป็น 3 ด้านกว้างๆดังนี้
1.เพื่อแจ้งให้ทราบ
2.เพื่อความบันเทิงใจ
3.เพื่อชักจูงใจ
3.5.2 ความสำคัญของการสื่อสารในองค์กร โดยแบ่งออกเป็น 4 ด้านดังนี้
1.เป็นเครื่องมือของผู้บริหารในการบริหารงาน
2.เป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความสัมพัธ์ระหว่างผู้บริหารกับบุคลากรต่างๆ
3.เพื่อเป็นการช่วยปฏิบัติภารกิจขององค์กร
4.การทำงานเกิดการพัฒนาและมีประสิทธิภาพ
3.5.3 กระบวนการติดต่อสื่อสารภายในองค์กรธุรกิจ
3.5.4 อุปสรรคการติดต่อสื่อสาร
3.6 กระบวนการตัดสินใจของผู้บริหาร
การตัดสินใจในเรื่องสำคัญเป็นบทบาทหนึ่งของผู้บริหารในองค์กรธุรกิจ กระบวนการตัดสินใจของผู้บริหารเกี่ยวข้องกับ 2 สิ่งต่อไปนี้
3.6.1 กระบวนการตัดสินใจของมนุษย์
3.6.2 แบบแผนการรับรู้และการตัดสินใจ
3.7 ขั้นตอนการตัดสินใจของผู้บริหาร
ไม่ว่าผู้บริหารจะมีพฤติกรรมในกระบวนการตัดสินใจแก้ไขปัญหาแบบใด แต่ละขั้นตอนจะมีการใช้บุคลากรที่เกี่ยวข้องและใช้ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการทำงานด้วย ดังต่อไปนี้
3.7.1 การรวบรวมข้อมูล (Intelligence)
3.7.2 การออกแบบ (Design)
3.7.3 การเลือกหนทาง (Choice)
3.7.4 การลงมือปฏิบัติ (Implementation)
1.มีความถูกต้อง
2.มีความเชื่อถือได้
3.มีความสมบูรณ์และครบถ้วน
4.มีความคุ้มทน
5.มีความหยืดหยุ่น
6.ตรงประเด็น
7.มีความทันสมัย
8.สามารถตรวจสอบได้
2.3 ความหมายของระบบสารสนเทศเบื้องต้น
ระบบสารสนเทศ (Information System) เป็นระบบที่ทำหน้าที่จัดการระบบหรือกิจกรรมใดๆ โดยตั้งแต่การจัดเก็บข้อมูล ระบบสารสนเทศนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นระบบคอมพิวเตอร์เสมอไปเมื่อมีเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย ก็ทำหน้าที่เป็ฯอุปกรณ์ในระบบสารสนเทศ มีความสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2.4 เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology)
เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเตรื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดการกับข้อมูลหรือสารสนเทศ ได้แก่ การจัดเก็บ การประมวล การเผยแพร่ อันได้แก่ ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ในการจัดการกับข้อมูลและสารสนเทศ
2.5 ความหมายระบบสารสนเทศโดยรวมในปัจจุบัน
ความหมายในทางเทคนิคของระบบสารสนเทศ (Information System) คือ กลุ่มของระบบงานที่ประกอบไปด้วยฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์ และซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่รวบรวม ประมวลผล จัดเก็บและแจกจ่ายข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจและการควบคุมภายในองค์กร ดังนั้นระบบสารสนเทศก็จะมีส่วนประกอบเดียวกันแต่มีรูปแบบที่เรียกต่างกันไป ดังนี้
1. Peopleware หมายถึงบุคลากรที่ทำงานกับระบบสารสนเทศ
2. Hardware หมายถึงอุปกรณ์สำหรับการจัดการข้อมูล
3. Software หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นชุดคำสั่งสำหรับควบคุมอุปกรณ์
2.6 ลักษณะการใช้งานระบบสารสนเทศในองค์กร
สำหรับการใช้งานระบบสารสนเทสในองค์กรนั้น เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการจะทำงานกับข้อมูลดิบเป็นส่วนใหญ่ เช่น การรวบรวมจัดเก็บข้อมูล ประมวลผลข้อมูล การให้ความสำคัญทั้งด้านคุณภาพต่อข้อมูลและสารสนเทศตามระดับตำแหน่งทางด้านบริหารงาน
2.7 ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ ( Management Information System : MIS ) เป็นระบบบริการสารสนเทสสำหรับการบริหารงาน เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจในการวางแผน การควบคุม และการปฏิบัติการขององค์กรได้อย่างถูกต้องระบบนี้ประกอบด้วยระบบย่อยต่างๆ ต่อไปนี้
2.7.1 ระบบประมวลผลรายการ (Transaction Process System : TPS )
2.7.2 ระบบจัดทำรายงานเพื่อการจัดการ (Management Reporting System :MRS )
2.7.3 ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support System : DSS )
2.7.4 ระบบสารสนเทศสำนักงาน (Office Information System : OIS)
2.7.5 ระบบปัญญาระดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI )
2.7.6 ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System : ES )
2.7.7 ระบบสนับสนุนผู้บริหารระดับสูง (Executive Support System : ESS )
2.8 การพัฒนาระบบสารสนเทศ
การพัฒนาระบบชององค์กรมีความหมายรวมถึงการพัฒนาระบบสารสนเทศโดยปริยาย เพราะ
1. ทุกระบบงานล้วนมีขั้นตอนการทำงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล และต้องการผลลัพธ์ทางสารสนเทศเพื่อนำไปใช้งานตามจุดประสงค์ของผู้ใช้งานระบบ
2. เทคโนโลยีสารสนเทสมีการพัฒนาความสามารถมากขึ้นและมีราคาต่ำลง ทำให้มีการลงทุนในการจัดหามาใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
3. ประสิทธิภาพและความทันสมัยของเทคโนโลยีสารสนเทศมักนำมาซึ่งภาพลักษณ์ที่ดี ทั้งในแง่ความน่าเชื่อถือและความนิยมชมชอบต่อบุคคลภายนอกขององค์กร
3. ระบบธุรกิจ
3.1 ความหมายของระบบธุรกิจระบบธุรกิจเป็นระบบที่มีองค์ประกอบจากระบบย่อยพื้นฐานที่สัมพันธ์กันด้วยกระบวนการทางธุรกิจ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ นั่นคือ ผลกำไรจากการประกอบการนั่นเอง ดังนั้นในการวิเคราะห์ระบบจะต้องศึกษารูปแบบการดำเนินการทางธุรกิจนั้นๆ
3.2 ลักษณะองค์กรธุรกิจ
องค์กรธุรกิจ (Business Organization) เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นในลักษณะขององค์ ซึ่งมีกระบวนการการทำงานโดยการนำเอาทรัพยากรทางเศรษฐกิจ และข้อมูลไปทำการประมวลผลด้วยกระบวนการทางธุรกิจ ไเ้แก่ การตลาด การเงิน การผลิต
3.2.1 ระบบย่อยพื้นฐานของระบบธุรกิจ
1.ระบบการตลาด
2.ระบบการผลิตสินค้า
3.ระบบบริหารสินค้าคงคลัง
4.ระบบบัญชีและการเงิน
5.ระบบทรัพยากรบุคคล
3.2.2 ส่วนประกอบในระบบธุรกิจ มี 3 กลุ่มดังนี้
1. บุคลากร ได้แก่ พนักงานตำแหน่งต่างๆ
2. อุปกรณ์ ได้แก่ เครื่องใช้สำนักงาน
3. กระบวนการ ได้แก่ นดยบายการทำงาน
3.2.3 ภาพรวมในระบบธุรกิจ จะมีลักษณะตามนิยามของระบบ ดังนี้
1. มีขอบเขตของระบบ คือ แต่ละกระบวนการระหว่างระบบย่อย มุ่งให้เกิดผลลัพธ์ตามวัตถุประสวงค์ทางธุรกิจขององค์กรนั่น คือ ผลกำไรที่มากที่สุด
2. ทุกระบบย่อยอยู่ในขอบเขตของระบบ
3. ระบบอยู่ในสภาพแวดล้อมหนึ่ง ของระบบธุรกิจมักเป็นปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์ ได้แก่ ค่านิยมของลูกค้าในการบริโภคสินค้าหรือใช้บริการจากองค์กรธุรกิจนโยบายหรือข้อกำหนดต่างๆของรัฐ
3.3 ประเภทองค์กรและธุรกิจ
การแบ่งประเภทองค์กรธุรกิจทำได้หลายแบบ แต่เพื่อให้เห็นภาพได้ง่ายและสอดคล้องกับเนื้อหาเกี่ยวกับระบบ ที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ทางรายได้ให้กับองค์กร ดังนี้
3.3.1 ประเภทธุรกิจที่แบ่งตามกิจกรรมหลัก
1.ธุรกิจผู้ผลิต เช่น กระดาาสำนักงาน
2.ธุรกิจบริการ เช่น การบริการช่างสำหรับต่อเติมบ้าน
3.ผู้จัดจำหน่ายและร้านค้าปลีก เช่น การจำหน่ายทางหน้าร้าน
4.ธุรกิจเกษตรกรรมและเหมืองแร่ ได้แก่ พืชพรรณที่มาจากการเพาะปลูก
5.สถาบันการเงินและธนาคาร เช่น รายได้จากดอกเบี้ยที่เก็บจากผู้ที่มาขอกู้ยืมเงินเพื่อนำไปเป็นทุนในการดำเนินธุรกิจ
3.3.2 ประเภทธุรกิจแบ่งตามลักษณะการเป็นเจ้าของ จะมีเงื่อนไขข้อกำหนดทางกฎหมายที่ต่างกันไปดังนี้
1.กิจการเจ้าของคนเดียว
2.กิจการห้างหุ้นส่วน
3.กิจการบริษัทจำกัด
4.รัฐวิสาหกิจ
5.กิจการสหกรณ์
6.กิจการแฟรนไซส์ (Franchise)
3.4 การบริหารงานภายในองค์กรธุรกิจ
การใช้ทรัพยากรทางเศรษฐกิจ เช่น คน เงิน วัตถุดิบ เครื่องมือ ที่ดิน พลังงาน รวมถึงการอำนวยความสะดวกและการประมวลผลข้อมูลในกระบวนการธุรกิจเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ โดยลักษณะระบบที่สนับสนุนการบริหารองค์กรมีดังนี้
3.4.1 ระบบสารสนเทศตามหน้าที่ในองค์กร โดยแบ่งตามในหน้าที่องค์กร 6 ประเภทดังนี้
1.ระบบสารสนเทศด้านบัญชี (Accounting Information System)
2.ระบบสารสนเทศด้านการเงิน (Finance Information System)
3.ระบบสารสนเทศด้านการผลิต (Manufacturing Information System)
4.ระบบสินค้าคงคลัง
5.ระบบสารสนเทศด้านการตลาด
6.ระบบสารสนเทศด้านทรัพยากรมนุษย์
3.4.2 ระบบสารสนเทศตามลักษณะการสนับสนุน เป็น 3 ประเภท คือ
1.ระบบสารสนเทศแบบประมวลรายการ
2.ระบบสารสนเทศแบบรายงานเพื่อการจัดการ
3.ระบบสารสนเทศเพื่อการสนับสนุนการตัดสินใจ
3.5 การติดต่อสื่อสารภายในองค์กรธุรกิจ
องค์ประกอิบที่เป็นระบบย่อยที่ต้องผสานกันอย่างดีจึงเกิดประสิทธิผลในการทำงานในองค์กร
3.5.1 วัตถุประสงค์ของการสื่อสารในองค์กร ออกเป็น 3 ด้านกว้างๆดังนี้
1.เพื่อแจ้งให้ทราบ
2.เพื่อความบันเทิงใจ
3.เพื่อชักจูงใจ
3.5.2 ความสำคัญของการสื่อสารในองค์กร โดยแบ่งออกเป็น 4 ด้านดังนี้
1.เป็นเครื่องมือของผู้บริหารในการบริหารงาน
2.เป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความสัมพัธ์ระหว่างผู้บริหารกับบุคลากรต่างๆ
3.เพื่อเป็นการช่วยปฏิบัติภารกิจขององค์กร
4.การทำงานเกิดการพัฒนาและมีประสิทธิภาพ
3.5.3 กระบวนการติดต่อสื่อสารภายในองค์กรธุรกิจ
3.5.4 อุปสรรคการติดต่อสื่อสาร
3.6 กระบวนการตัดสินใจของผู้บริหาร
การตัดสินใจในเรื่องสำคัญเป็นบทบาทหนึ่งของผู้บริหารในองค์กรธุรกิจ กระบวนการตัดสินใจของผู้บริหารเกี่ยวข้องกับ 2 สิ่งต่อไปนี้
3.6.1 กระบวนการตัดสินใจของมนุษย์
3.6.2 แบบแผนการรับรู้และการตัดสินใจ
3.7 ขั้นตอนการตัดสินใจของผู้บริหาร
ไม่ว่าผู้บริหารจะมีพฤติกรรมในกระบวนการตัดสินใจแก้ไขปัญหาแบบใด แต่ละขั้นตอนจะมีการใช้บุคลากรที่เกี่ยวข้องและใช้ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการทำงานด้วย ดังต่อไปนี้
3.7.1 การรวบรวมข้อมูล (Intelligence)
3.7.2 การออกแบบ (Design)
3.7.3 การเลือกหนทาง (Choice)
3.7.4 การลงมือปฏิบัติ (Implementation)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น